สำหรับ กัญชา ได้รับความนิยมจากทั่วโลก เพราะเป็นพืชที่ใช้งานได้สารพัดประโยชน์ และยังเป็นมากกว่าสารที่ให้ความมึนเมา มีคุณสมบัติอย่างซับซ้อนในทางการแพทย์ รวมไปถึงเส้นใยพิเศษที่สามารถใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ หรืออยู่ในส่วนผสมหลากหลายวัตถุดิบด้วยกัน จนกระทั่งล่าสุดกัญชายังถูกจัดมาอยู่ในส่วนผสมของไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผลไม้นี้ได้อีกด้วย แต่หลายคนอาจจะรู้สึกว่าการที่ไวน์มีส่วนผสมของกัญชานั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ และเคยมีเกิดขึ้นมานานแล้วก็จริง แต่ความพิเศษที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ คือ การเป็นไวน์สีเขียว เครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของกัญชาเป็นหลัก ทำให้ผู้ที่ไม่ได้หลงใหลกับการสูดควันก็สามารถดื่มด่ำในมิติใหม่ของกัญชาในรูปแบบการจิบไวน์ได้อย่างลงตัว
ทำความรู้จักกับ ไวน์กัญชา
Canna Wine หรือจะเรียกว่า Weed Wine ก็ได้ ซึ่งมีความหมายเหมือนกัน เป็นไวน์ที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบหลัก เกิดจากกรรมวิธีในการผลิตอย่างพิถีพิถัน โดยการนำองุ่นขาว ที่ปลูกด้วยวิธีไร้สารเคมีอย่าง ไบโอไดนามิค นำมาบ่มเข้ากับ กัญชาออแกนิคตากแห้ง ให้อยู่ในสภาพอากาศอุณหภูมิต่ำ โดยจะใช้กัญชาในปริมาณครึ่งกิโลกรัม ต่อไวน์ขาวจำนวน 1 ถังไม้โอ๊ค จากนั้นจึงนำมาบ่มอย่างน้อย 1 ปี จะได้เป็นไวน์สีเขียว ที่แตกต่างจากไวน์แดง และไวน์ขาวตามท้องตลาดทั่วไป เนื่องจากไวน์กัญชานี้จะมีสารที่เรียกว่า ทีเอชซี หรือ Tetrahydrocannabinol-THC คือสารที่มีฤทธิ์กล่อมประสาทอ่อนๆ และอยู่ในปริมาณที่พอดี ซึ่งไวน์กัญชาเจ้าแรกที่ได้กำเนิดขึ้นคือยี่ห้อ Mary Jane
สรรพคุณและความน่าสนใจของ Canna Wine
แน่นอนว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างไวน์นั้น เมื่อดื่มเข้าไปแล้วก็จะรู้สึกผ่อนคลาย และส่งผลให้มีอาการมึนเมาอยู่แล้ว จากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ แต่ในไวน์กันชานั้นจะยิ่งมีความเข้มข้นมากกว่า เพราะฤทธิ์จากสารทีเอชซี ที่มาจากกัญชาผสมเข้าไปในไวน์ตัวนี้ด้วย ก็จะช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย ให้ผู้ดื่มได้เคลิบเคลิ้ม นอนหลับง่าย และมีอาการสุขสบายใจ อีกทั้งยังช่วยให้กระตุ้นในการเจริญอาหารมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญยังปราศจากอาการหลอนที่ไม่เหมือนจากการสูบกัญชาแบบทั่วไป แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณในการดื่มแต่ละครั้งที่พอดี ไม่มากจนเกินไปด้วยเช่นเดียวกัน
ไวน์กัญชาหาซื้อที่ไหนได้บ้าง
สำหรับประเทศที่มีการเปิดขายกัญชาอย่างเสรีอย่างสหรัฐอเมริกา ก็ได้มีการกำหนดอนุญาตให้จำหน่ายกัญชาในทางสันทนาการได้อย่างถูกกฎหมาย ไม่ใช่แค่การใช้ในทางการแพทย์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยเปิดให้ทั้งหมด 10 รัฐด้วยกัน คือ District of Columbia, California, Oregon, Massachusetts, Alaska, Maine, Washington, Vermont, Nevada และ Colorado ซึ่งด้านข้อกฎหมายนี้เองทำให้ แคลิฟอร์เนีย สามารถผลิตไวน์กัญชาออกสู่ตลาดได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งก็มีกระแสตอบรับจากผู้บริโภคอย่างดี แต่จำหน่ายได้ภายในร้านที่มีใบอนุญาตขายกัญชาเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ไวน์กัญชาสามารถจำหน่ายได้เพียงบางเมืองในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น จึงทำให้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของคนรักสายเขียวที่อยากลิ้มลองไวน์ตัวนี้ จนทำให้มีการลักลอบขายอย่างผิดกฎหมายตาม ตลาดมืด และเว็บไซต์จำหน่ายของผิดกฎหมายอยู่เป็นประจำ นอกจากนี้ยังรวมไปถึง กฎหมายในการซื้อกัญชาที่ต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป และยังจำกัดปริมาณการดื่มของเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมจากกันชาได้สูงสุดเพียง 1 ออนซ์ หรือกัญชาสกัดเข้มข้นที่ปริมาณ 8 กรัมเท่านั้น ทั้งหมดนี้จึงทำให้เราเห็นได้ว่าปัจจุบันถูกขายอยู่ตามเว็บไซต์ โดยมีราคาตั้งแต่ขวดละ 8,000 บาท จนถึงหลักหมื่นบาทเลยทีเดียว
โอกาสของไวน์กัญชาในประเทศไทย
แม้ว่ากัญชาจะถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายในหลายๆ ประเทศ แต่สำหรับประเทศไทยก็ยังมีการเปิดกัญชาอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว โดยจะเน้นไปที่การใช้ในทางการแพทย์เป็นหลัก และมีการจำกัดปริมาณเมื่อใช้ผสมกับเครื่องดื่มต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อเป็นไวน์กัญชาที่บ่มกับกัญชามาแบบจัดเต็มแล้ว ค่า THC มีปริมาณที่สูงเกินกว่าเกณฑ์ทางกฎหมายในประเทศไทยที่กำหนดอย่างแน่นอน ดังนั้นโอกาสในการได้ดื่มไวน์กัญชาในประเทศไทยก็ถือว่ามีน้อยมาก ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปในอนาคตว่าจะมีการเปิดกัญชาแบบเสรีหรือไม่อย่างไรต่อไป