เราจะมาแนะนำสเต็ปขั้นตอนการจิบไวน์ ก่อนดื่มไวน์ว่าควรทำอะไรก่อนหลังบ้าง โดยเริ่มตั้งแต่หลังจากเปิดจุกขวดไวน์ไปเลย รับประกันว่าเทคนิคทั้งหมดนี้จะ ทำให้คุณดูเป็นมือโปรในการดื่มไวน์ แถมยังช่วยให้คุณได้ชิมรสชาติของไวน์ของล้ำลึกได้กว่าเดิมอีกด้วย บอกเลยว่าแค่รู้เทคนิคพวกนี้แล้วจะทำให้คุณเหมือนเป็นมือโปรด้านการดื่มไวน์กันเลยทีเดียว
สเต็ปที่ 1 ดูให้ละเอียดก่อนเริ่มดื่มไวน์
อันดับแรกไวน์ที่เราจะดื่มนั้นเราจะต้อง มองดู (See) ให้ดีก่อน เพื่อดูว่าไวน์ขาวนั้นมีสีเหลือง สีทอง สีส้ม หรือสีอำพัน และมีความขุ่นมากน้อยอย่างไร ในกรณีของไวน์แดง ให้สังเกตว่ามีความเจือจาง สีใสมากหรือน้อย หรือมีความเข้ม-ขุ่นอย่างไร การทำแบบนี้จะช่วยให้เราได้รู้สึกเบื้องต้นเกี่ยวกับรสสัมผัสของไวน์ที่เรากำลังจะดื่ม รสสัมผัสที่ว่านี้คือ บอดี้ (Body) ของไวน์ และบอกถึงความเข้มหรือความบางของบอดี้ดังกล่าวได้ ไวน์ที่ใสกว่านั้นอาจมีบอดี้ที่เบา (Light) และหากไม่ใสมากนักอาจเป็นรสสัมผัสปานกลาง (Medium) หรือหากเข้มและทึบ อาจบอกได้ว่าไวน์นั้นมีบอดี้เต็ม (Full) แต่รสชาติอาจเบา กลาง หรือเข้มข้นขึ้นก็ได้
สเต็ปที่ 2 เริ่มต้นการรินไวน์ลงในแก้วไวน์
เมื่อคุณเลือกไวน์แล้ว สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือการถือขวดไวน์ เพราะอาจรินไวน์หกหรือกระฉอกขวดได้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือความพร้อมที่จะหยดลงและทำให้ขอบแก้วเปียก หากคุณไม่รินไวน์เร็วพอนั้นอาจทำให้ไวน์หยดลงบนโต๊ะ พรม หรือแม้กระทั่งไวน์หยดลงบนผ้ากันเปื้อนได้เลย สำหรับวิธีที่ถูกต้องในการถือขวดไวน์แนะนำว่าควรถือที่ก้นขวด และรินไวน์ลงแก้วอย่างนุ่มนวลเพียงครั้งเดียวจนได้ปริมาณที่ต้องการ และหยุดการรินไวน์ทันที และเมื่อรินไวน์เสร็จสิ้น โดยให้หมุนขวดไวน์ออกจากแก้วและตัวในแนวตั้ง เพื่อป้องกันการน้ำจากไวน์หยดลงได้
ปริมาณการรินไวน์
เมื่อคุณสั่งไวน์ในร้านอาหาร หลายคนจะชอบเมื่อได้รับปริมาณไวน์ที่เยอะๆ ในแก้วเดียว แต่ถ้าดื่มไวน์ที่บ้านก็อาจรู้สึกสับสนว่าควรรินไวน์มากเกินไปหรือน้อยไปกว่าที่ควร โดยปริมาณที่ถูกต้องสำหรับการรินไวน์ในแก้ว ตามหลักสากลระบุว่า ไวน์ขวดเดียวมาตรฐานขนาด 750 มล. จะรินได้ 5 แก้ว นั่นคือการรินไวน์ในแก้วละปริมาณ 150 มล.
สเต็ปที่ 3 แกว่งแก้วไวน์เพื่อเช็คคุณภาพ
ก่อนดื่มนั้นเราจะหยิบแก้วขึ้นมาแล้วทำการแกว่งไวน์ในแก้ว ถ้าเป็นมือใหม่ควรระมัดระวัง อย่าแกว่งเข้าไปอย่างแรงเกินไป เพื่อไม่ให้ไวน์กระเด็นออกจากแก้วจนเลอะเทอะ การแกว่งนั้นคือการจับก้านไวน์แล้วหมุนเบาๆ รอบๆ แก้ว เพื่อให้กลิ่นไวน์สะท้อนออกมาเรื่อยๆ จากนั้นเราจะสังเกตสีของไวน์ที่สะท้อนจากแสงและดูขาของไวน์ หรือน้ำไวน์ที่ไหลลงมาทีละน้อยรอบๆ แก้ว ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร หากไหลลื่นอย่างไม่ทิ้งร่องรอยบนขอบแก้วเหมือนน้ำเปล่า หรือหนืดติดแก้วโดยการไหลลงช้าๆ ซึ่งการสังเกตขาแก้วนั้นเป็นวิธีที่ผู้ชิมไวน์ใช้เพื่อดูปริมาณแอลกอฮอล์และน้ำตาลที่อยู่ในไวน์นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น ไวน์ที่ดื่มกับขนมหวานจะมีปริมาณน้ำตาลสูงกว่าไวน์ชนิดอื่นนั่นเอง
สเต็ปที่ 4 ดมกลิ่นของไวน์เช็คความเข้มข้น
การดมกลิ่นไวน์ ช่วยให้เรารู้ว่าไวน์มีความเข้มข้นเป็นอย่างไร หากดมจากแก้วไวน์ เราจะสังเกตได้ว่ากลิ่นที่ชัดเจนขึ้นเมื่อไวน์มีความเข้มข้น ถ้าเราได้กลิ่นตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าไปดมใกล้ๆ อาจเป็นเพราะไวน์มีความเข้มข้นสูง และกลิ่นชัดเจนกว่า (Pronounced) การดมไวน์ให้ได้กลิ่นตั้งแต่จากแก้วโดยไม่ต้องใกล้มากนั้นจะบ่งบอกว่าไวน์นั้นมีความเข้มข้นต่ำ (Light) และสื่อถึงบอดี้ (Body) ของไวน์นี้ด้วย นอกเหนือจากนั้น การดมกลิ่นยังช่วยให้รู้ว่าไวน์มีกลิ่นของผลไม้ประเภทไหน เช่น ผลไม้ตระกูลส้มหรือผลไม้ยืนต้น การดมกลิ่นไวน์นั้นจะช่วยให้เรารู้จักกลิ่นและความเข้มข้นของไวน์ได้มากยิ่งขึ้น
สเต็ปที่ 5 จิบเพื่อชิมรสสัมผัสแรกก่อนดื่ม
ในขั้นตอนสุดท้ายคือการจิบ ที่ช่วยให้เรารับรู้รสไวน์ทีละนิด โดยสังเกตรสหวานว่าน้อย กลาง หรือมาก และรสฝาดความเฝื่อนลิ้น (Tannin) เป็นอย่างไร โดยสามารถรับรู้รสชาติและรสนานของไวน์ได้ นอกจากนี้ยังสังเกตตัวบอดี้นั้นมีความเข้มข้นอยู่ในระดับใด ซึ่งสอดคล้องกับรสที่ได้ดมและจิบนั่นเอง ว่าจะเป็นรสกลาง หรือเข้มข้นจัดขนาดไหน สำคัญที่สุดคือรสชาติ หากลิ้นยังสามารถรับรสที่คงอยู่ในปากได้เมื่อจิบไปเกินห้าวินาที อาจแปลว่าไวน์นั้นมีรสชาติที่ยาวนาน หรือ Long finish และรสที่สั้น หรือ Short finish ในกรณีที่รสนั้นหายไปเร็วกว่า 3 วินาที ถือว่าเป็นอีกวิธีที่ช่วยบอกคุณภาพไวน์ได้เหมือนกัน
ดื่มไวน์ที่คุณชื่นชอบได้ตามสะดวกเลย
สุดท้ายก็คือการดื่มไวน์ ตามรสนิยมความชอบส่วนตัวของแต่ละคนได้เลย บางคนอาจจะชอบการจิบเบาๆ ทีละน้อยจนหมดแก้ว หรืออาจจะยกดื่มให้ได้ลิ้มรสแบบเต็มสัมผัสไปเลยก็ได้ เพราะเราได้ลิ้มรส ดมกลิ่น และเช็คก่อนดื่มไวน์ทั้งหมดก่อนหน้านี้ไปแล้วนั่นเอง ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นการจิบไวน์ก่อนดื่มให้ถูกวิธี เพื่อเข้าถึงรสชาติของไวน์คุณได้อย่างเต็มที่มากที่สุด แถมยังได้รสนิยมให้คุณดูดีเป็นมืออาชีพในการดื่มไวน์อีกด้วย